ข้อ 1 (page 23)
#include<stdio.h>
#include<conio.h>
#include<math.h>
float n2=2;
float power(float n1,float n2)
{
float c;
c=pow(n1,n2);
return(c);
}
float sqroot(float n1)
{
float a;
a=sqrt(n1);
return(a);
}
main()
{
int num2,num3=2;
float num1,result,ans;
printf("Enter number : ");
scanf("%f",&num1);
printf("Please select choice (1 = power , 2 = square root) : ");
scanf("%d",&num2);
if(num2==1)
{
result=power(num1,num3);
printf("Result = %.2f",result);
getch();
}
else
{
if(num2==2)
{
result=sqroot(num1);
printf("Result = %.2f",result);
getch();
}
else
{
printf("Menu Error!!!");
getch();
}
}
}
ข้อ 2 (page 27 )
#include<stdio.h>
#include<conio.h>
char cal_grade(float score);
main()
{
float x;
char grade;
printf("Enter score : ");
scanf("%f",&x);
grade=cal_grade(x);
printf("You get %c !!!",grade);
getch();
}
char cal_grade(float score)
{
char grade;
if(80<=score&&score<=100)
{
grade='A';
}
else
{
if(70<=score&&score<=79)
{
grade='B';
}
else
{
if(60<=score&&score<=69)
{
grade='C';
}
else
{
if(50<=score&&score<=59)
{
grade='D';
}
else
{
grade='F';
}
}
}
}
return(grade);
}
ข้อ 3 (page 28)
#include<stdio.h>
#include<conio.h>
float cal_avg(float x,float y);
main()
{
float a,b,c;
printf("Enter a : ");
scanf("%f",&a);
printf("Enter b : ");
scanf("%f",&b);
c=cal_avg(a,b);
printf("Average is %f",c);
getch();
}
float cal_avg(float x,float y)
{
float sum,avg;
sum=x+y;
avg=sum/2;
return(avg);
}
ข้อ 4
#include<stdio.h>
#include<conio.h>
int findmax(int x,int y);
main()
{
int a,b,c;
printf("Enter number 1 : ");
scanf("%d",&a);
printf("Enter number 2 : ");
scanf("%d",&b);
c=findmax(a,b);
printf("Max is %d",c);
getch();
}
int findmax(int x,int y)
{
int i;
if(x<y)
{
i=y;
}
else
{
i=x;
}
return(i);
}
Nuple^^*
วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2554
วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2554
แนะนะวิธีการใช้ Audacity
Audacity
ใครสนใจอยากทดลองปรับแต่งเสียงเพลง เรียกเข้าโทรศัพท์มือถือ หรือจะตัดต่อ มิกซ์เสียงด้วยตัวเองบ้างครับ รับรองใช้งานง่าย แถมยังเป็นฟรีโปรแกรมประเภท Open Source ที่ดีที่สุดตัวหนึ่ง และนิยมใช้งานมากที่สุดตัวหนึ่งด้วย โปรแกรมตัวนี้มีชื่อว่า Audacity โปรแกรมนี้ยังได้รับการกล่าวขานว่าเป็นโปรแกรมการใช้งานทางด้านตัดต่อเสียงดีที่สุดตัวหนึ่ง อาจมาจากเหตุผลที่ใช้งานง่ายก็เป็นได้
คุณสมบัติของ Audacity
- ฟรีโปรแกรม Open Source ใช้งานได้ฟรี ไม่มีลิมิต
- รองรับการใช้งานระบบปฏิบัติการทั้ง Windows, Mac OS, Linux/Unix
- รองรับการ import ไฟล์ MP3, OOG, Wave และอื่นๆ อีก
- รองรับการบันทึกเป็น MP3 แต่ต้องติดตั้งโปรแกรมฟรี เพิ่มเติมคือ LAME MP3 Encod บันทึก Live Audio
- รองรับการ cut, copy, splice รวมทั้งการ mix เสียงด้วย
- ปรับแต่งความเร็วของเสียงได้
- ความสามารถเพิ่มเติมด้วย Plug-ins
- สนใจ download Audactiy ขนาดไฟล์ 2.1 MB
ดาวน์โหลดฟรี ได้ตามลิงค์
http://audacity.sourceforge.net/download/windows
หรือhttp://audacity.sourceforge.net/download/
http://audacity.sourceforge.net/download/windows
หรือhttp://audacity.sourceforge.net/download/
ทำความรู้จัก Audacity ก่อนเริ่มต้นใช้งาน
ทำความรู้จัก Control Tool Bar หมายถึง เครื่องมือที่ช่วยในการตัดต่อ ปรับแต่งเสียง รวมทั้งมีปุ่มที่ใช้ในการทดสอบไฟล์เสียงหลังการตัดต่ออีกด้วย สำหรับปุ่มหลักๆ ที่ใช้ในการปรับแต่งเสียงมีดังนี้
Selection Tools - ใช้สำหรับเลือกช่วงของ wave ที่ต้องการ เพียงแค่คลิกบริเวณ wave และลากคลุมไปทางซ้ายหรือขวาตามต้องการ
Envelope Tool - เวลาที่ต้องการลดระดับเสียง ให้ความดังลดลง หรือเพิ่มขึ้น เราสามารถคำสั่งนี้ได้
Draw Tool - ใช้คู่กับ Zoom Tool เพื่อปรับแต่งความลึก
Zoom Tool - ย่อ ขยายในส่วนของ wave เพื่อให้ดูและแก้ไขได้สะดวก
Time Shift - สำหรับย้ายตำแหน่งของเสียง เช่น เรามีไฟล์เสียงด้านบนและล่าง แต่ต้องการให้ด้านล่างเลื่อนถัดไปก่อเป็นต้น
Multi Tool - รวมคำสั่งทุกอย่างอยู่ในตัวเดียวกัน ขึ้นกับเราว่าจะเลือกในส่วนไหน
เราจำเป็นต้องทำความเข้าใจปุ่มต่างๆ ข้างต้น ทั้งนี้เพื่อให้สามารถแก้ไขปรับแต่งไฟล์เสียงได้สะดวก ซึ่งคำสั่งที่มักใช้เป็นประจำคือ Selection Tools และคำสั่ง Envelope
วิธีใช้งานเบื้องต้นของโปรแกรม Audacity
1. เปิดโปรแกรม Audacity
2.คลิกเมนู File เลือกคำสั่ง Open
3.เลือกไฟล์ Aiff, MP3, Wav หรือ OGG เพื่อเปิด File ที่ต้องการตัด
4. คลิกเครื่องมือ Selection Tools คลิกบริเวณ wave และลากไปทางซ้ายหรือขวา (เลือกช่วงของเสียง) ลองคลิกปุ่ม Play จะสังเกตเห็นว่า โปรแกรมจะเล่นเสียงเฉพาะที่เลือกเล่น เท่านั้น
ทิปสำคัญ ทำไมบางครั้งโปรแกรมไม่สามารถใช้งานบางคำสั่งได้ ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากสาเหตุ เรามีการสั่งของเล่นไฟล์เสียงอยู่ และยังไม่ได้สั่ง stop (รูปสี่เหลี่ยมในส่วนของการเล่นไฟล์เสียง)
5. คลิกที่่ Trim เพื่อตัดให้เหลือในช่วงที่เราต้องการ แล้วกด save เพื่อนบันทึกงาน
ปรับแต่งระดับเสียงด้วย Envelope Tool
ภาพรวมการใช้งานของคำสั่ง Envelope Tool คือ การเลือกจุดของตำแหน่งที่ต้องการเพิ่มหรือลดเสียง จากนั้นเพียงคลิกและลากขึ้น (เพิ่มความดังของเสียง) หรือ ลากลง (เพื่อลดความดังของเสียง) เราสามารถเพิ่มจุดของเสียงได้โดยการคลิกทีตำแหน่งที่ต้องการอีกครั้ง
วิธีการใช้งาน Envelope Tool
- เปิดไฟล์เสียงที่ต้องการ
- คลิกเลือกคำสั่ง Envelope Tool
- สัญลักษณ์ของเมาส์จะเปลี่ยนเป็นรูปของคำสั่ง Envelope Tool
- เลื่อนเมาส์ไปยังตำแหน่งของ wave ที่เราต้องการปรับแต่ง
- คลิกหนึ่งครั้ง จะสังเกตเห็นมีจุดขาวเพิ่มขึ้น ณ ตำแหน่งของจุดขาว เราสามารถคลิกลากขึ้น หรือลากลงได้
- ทดสอบโดยการเล่นไฟล์เสียง (ปุ่ม สามเหลี่ยมสีเขียว)
อีกหนึ่งวิธีในการปรับแต่งเสียง
การรวมเสียงหลายๆ เสียงเข้าด้วยกัน เป็นอีกสิ่งที่จำเป็นอย่างมากในการใช้งานโปรแกรม Audacity ที่เราควรทราบไว้ ตัวอย่างการนำไปใช้ประโยชน์ นั่นคือ การรวมเพลงแบบ non-stop ที่เราสามารถทำเองได้อย่างไม่ยากเกินไปนัก เพียงเราแค่เลือกเพลงที่ต้องการต่อเพลงกัน และนำมารวมเข้าด้วยกัน แต่ระหว่างเพลงที่เชื่อมกัน (คาบเกี่ยวกัน) ควรทำการลดเสียงเพื่อความกลมกลืนของเสียงเพลง
วิธีการรวมเสียงหลายเสียงเข้าด้วยกัน
1. เปิดโปรแกรม Audacity และเลือกคำสั่ง File
2. คลิกคำสั่ง Open และเลือกไฟล์ MP3 ที่ต้องการ
3. คลิกเมนู Project
4. เลือกคำสั่ง Audio และเลือกไฟล์ MP3 อีกหนึ่งไฟล์
5. ถ้าเราต้องการเลือกตำแหน่งของเสียงที่ 2 ให้ไปอยู่ในตำแหน่งใกล้เคียงกับนจบของเสียงที่ 1 ให้กดปุ่ม Time Shift Tool
6. จากนั้นให้คลิกที่เสียงที่ 2 และลากไปยังตำแหน่งที่ต้องการ (จะเห็นว่า เราสามารถเคลื่อนย้ายเสียงได้ทั้งหมด)
ถ้าจะให้ดี ระหว่างเสียงที่ 1 และ 2 ควรทำการ fade เสียงให้เบาลงก่อน จะได้เสียงที่เนียนมากยิ่งขึ้น อีกคำสั่งที่มีความสำคัญมากคือ การตัดเสียงบางช่วงออก ซึ่งเราสามารถใช้คำสั่ง Cut ได้
คำสั่งในการตัดเสียง (Cut)
1. เปิดโปรแกรม Audacity และเลือกคำสั่ง File
2. คลิกคำสั่ง Open และเลือกไฟล์ MP3 ที่ต้องการ
3. คลิกเลือกคำสั่ง Selection Tool
4. คลิกเลือกคลุมช่วงเสียงที่ต้องการ
5. คลิกคำสั่ง Cut หรือคลิกเมนู Edit และเลือกคำสั่ง Cut ก็ได้เช่นกัน
เทคโนโลยีเกี่ยวกับกล้องไอพี
IP CAMERA คืออะไร
IP Camera มันก็คือกล้อง CCTV ที่รวมความสามารถของคอมพิวเตอร์ไว้ในตัวกล้อง เป็นหนึ่งเดียวกัน กล้องไอพี จะเก็บภาพสถานการณ์สดๆ และยิงผ่านไปบน ระบบเครือข่าย IP และอนุญาติให้ผู้ใช้สามารถมองเห็นเหตุการณ์ จากระยะไกล และสามารถจัดเก็บภาพเหตุการณ์นั้น รวมถึงการควบคุมหรือเซ็ตกล้องผ่านทางระบบ IP ได้ IP Camera จะมี IP Address เป็นของตัวเอง (ค่า Default 192.168.0.99) ให้เราคิดว่า IP Address ก็เหมือนกับบ้านเลขที่ของเรา มันทำให้ใครต่อใครรู้ว่าเราอยู่ที่ไหน ซึ่งก็เหมือนกับในกรณีของ IP Address ผู้ใช้แค่ทราบ ข้อมูล IP ของกล้องเท่านั้นก็สามารถเรียกดู ข้อมูลภาพจากกล้องได้โดยแค่พิมพ์ IP Address ของกล้องไปบน Intrenet Explorer IP Camera ไม่จำเป็นต้องต่อกับคอมพิวเตอร์อยู่ตลอดเวลา (ซึ่งจะต่างจากเว็บแคม เพราะมันจำเป็นต้องต่อกับ คอมพิวเตอร์) มันสามารถทำงานได้ด้วยตัวของมันเอง และสามารถที่จะเอาไปติดตั้งที่ไหนก็ได้ ที่มีระบบ Network ที่มากไปกว่านั้นก็คือ กล้อง IP Camera ยังมีฟังก์ชั่นเพิ่มเติมการทำงานอื่นๆ อีกมากมายเช่น | ||
1. 2. 3. 4. | ฟังก์ชั่นตรวจวัดการเคลื่อนไหว หากพบว่ามีสิ่งผิดปกติมันจะถ่ายภาพเก็บไว้หรือไม่ก็ alarm เตือน หรือส่ง mail ไปยังผู้ดูแล ฟังก็ชั่นเสียง กล้อง IP Camera ยังมีความสามารถที่จะส่งข้อมูลภาพและเสียงได้พร้อม กัน (บางรุ่นไม่ Support) ฟังก์ชั่น Input และ Output ซึ่งถือว่าเป็นฟังก์ชั่นอรรถประโยชน์ ผู้ใช้สามารถประยุกต์ ได้หลายแบบ ฟังก์ชั่น Serial Port สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการจะเอากล้องไปติดกับตัวคอนโทรล Pan/Tilt |
Wireless 802.11g
1. | SSID Service Set Identifier | คือ การกำหนดชื่อของการเชื่อมต่อในวง Wireless |
2. | Infrastructure | คือ การเชื่อมต่อผ่าน access point |
3. | Ad-hoc | คือ การเชื่อมต่อแบบ peer-to-peer |
4. | Tx Rate | คือ อัตราในการส่งข้อมูล |
5. | Security | WEP (Wired Equivalent Privacy) WPA-PSK (Wi-Fi Protected Access-PreShared Key) |
ความหมายของโปรโตคอล
IP (Internet Protocol ) |
IP เป็นโปรโตคอลในระดับเน็ตเวิร์คเลเยอร์ ทำหน้าที่จัดการเกี่ยวกับแอดเดรสและข้อมูล และควบคุมการส่งข้อมูลบาง อย่างที่ใช้ในการหาเส้นทางของแพ็กเก็ต และสามารถเปลี่ยนแปลงเส้นทางได้ในระหว่างการส่งข้อมูล และมีระบบการแยก และประกอบดาต้าแกรม (datagram) เพื่อรองรับการส่งข้อมูลระดับ data link ที่มีขนาด MTU (Maximum Transmission Unit) ทีแตกต่างกัน ทำให้สามารถนำ IP ไปใช้บนโปรโตคอลอื่นได้หลากหลาย เช่น Ethernet ,Token Ring หรือ Apple Talk การเชื่อมต่อของ IP เพื่อทำการส่งข้อมูล จะเป็นแบบ connectionless หรือเกิดเส้นทางการเชื่อมต่อในทุกๆ ครั้ง ของการส่งข้อมูล 1 ดาต้าแกรม โดยจะไม่ทราบถึงข้อมูลดาต้าแกรมที่ส่งก่อนหน้าหรือส่งตามมา แต่การส่งข้อมูลใน 1 ดาต้าแกรม อาจจะเกิดการส่งได้หลายครั้งในกรณีที่มีการแบ่งข้อมูลออกเป็นส่วนย่อยๆ (fragmentation) และถูกนำไปรวม เป็นดาต้าแกรมเดิมเมื่อถึงปลายทาง |
IPv4 (Internet Protocol version 4) |
คือ internet protocol และ IP address ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมีขนาด 32 bit |
IPv6 (Internet Protocol version 6) |
เป็น internet protocol และ IP address ที่กำหนดโดย IETF (Internet Engineer Task Force) และ กำลังจะนำมาใช้แทน IPv4 หรือที่เรียกว่า IPng (IP Next Generation) มีขนาด 128 bit ซึ่งออกแบบมาเพื่อ router ประมวลผลได้เร็วขึ้น เพิ่มกลไกตรวจสอบการใช้งาน ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลดีกว่าเดิม และปลอดภัยขึ้น |
TCP (Transmission control Protocol) |
Transmission Control Protocol (TCP) เป็นโปรโตคอลที่อยู่ในชั้น Transport Layer ทำหน้าที่จัดการ และควบคุมการรับส่งข้อมูล ซึ่งมีความสามารถและรายละเอียดมากกว่า UDP โดยดาต้าแกรมของ TCP จะมีความสัมพันธ์ ต่อเนื่องกัน และมีกลไกควบคุมการรับส่งข้อมูลให้มีความถูกต้อง (reliable) และมีการสื่อสารอย่างเป็นกระบวนการ เป็นแบบ ที่มีการกำหนดช่วงการสื่อสารตลอดระยะเวลาการสื่อสาร (connection-oriented) ซึ่งจะยอมให้มีการส่งข้อมูลเป็นแบบ Byte stream ที่ไว้ใจได้โดยไม่มีข้อผิดพลาด ข้อมูลที่มีปริมาณมากจะถูกแบ่งออกเป็นส่วนเล็กๆ เรียกว่า message ซึ่งจะ ถูกส่งไปยังผู้รับผ่านทางชั้นสื่อสารของอินเทอร์เน็ต ทางฝ่ายผู้รับจะนำ message มาเรียงต่อกันตามลำดับเป็นข้อมูลตัวเดิม TCP ยังมีความสามารถในการควบคุมการไหลของข้อมูลเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ส่ง ส่งข้อมูลเร็วเกินกว่าที่ผู้รับจะทำงานได้ทัน อีกด้วย |
UDP (User Datagram Protocol) |
เป็นโปรโตคอลที่อยู่ใน Transport Layer เป็นการติดต่อแบบไม่ต่อเนื่อง (connectionless) มีการตรวจสอบ ความถูกต้องของข้อมูลแต่จะไม่มีการแจ้งกลับไปยังผู้ส่ง จึงถือได้ว่าไม่มีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล อย่างไรก็ตาม วิธีการนี้มีข้อดีในด้านความรวดเร็วในการส่งข้อมูล จึงนิยมใช้ในระบบผู้ให้และผู้ใช้บริการ (client/server system) ซึ่งมีการสื่อสารแบบ ถาม/ตอบ (request/reply) นอกจากนั้นยังใช้ในการส่งข้อมูลประเภทภาพเคลื่อนไหวหรือการส่งเสียง (voice) ทางอินเทอร์เน็ต |
HTTP (Hyper Text Transport Protocol) |
HTTP คือโปรโตคอลที่ใช้สื่อสารระหว่าง client computer กับ server computer ทำให้ทั้งสองเครื่องรู้ว่าจะจัดการส่งข้อมูลไปอย่างไร โปรโตคอล HTTP นี้วิ่งอยู่บน TCP/IP อีกชั้นหนึ่ง รูปแบบการทำงานจะไม่มีการจองสาย โดย client จะเรียกข้อมูลจาก server โดยการส่ง request ไปแล้วจะตัดการติดต่อทันที จากนั้นจะรอจนกระทั่ง server ส่งข้อมูลมาให้ ประโยชน์ของการทำงานแบบไม่จองสายของ HTTP ทำให้ WWW server สามารถให้บริการ client ได้หลายๆ คนพร้อมๆ กัน การสื่อสารของ WWW จึงมีประสิทธิภาพมากขึ้น |
ICMP (Internet Control Message Protocol) |
ICMP เป็นโปรโตคอลที่ใช้ในการตรวจสอบและรายงานสถานภาพของดาต้าแกรม (Datagram) ในกรณีที่เกิด ปัญหากับดาต้าแกรม เช่น เราเตอร์ไม่สามารถส่งดาต้าแกรมไปถึงปลายทางได้ ICMP จะถูกส่งออกไปยังโฮสต้นทาง เพื่อ รายงานข้อผิดพลาด ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ดี ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่า ICMP Message ที่ส่งไปจะถึงผู้รับจริงหรือไม่ หากมีการส่งดาต้าแกรมออกไปแล้วไม่มี ICMP Message ฟ้อง Error กลับมา ก็แปลความหมายได้สองกรณีคือ ข้อมูลถูกส่งไปถึงปลายทางอย่างเรียบร้อย หรืออาจจะมีปัญหา ในการสื่อสารทั้งการส่งดาต้าแกรม และ ICMP Message ที่ส่งกลับมาก็มีปัญหาระว่างทางก็ได้ ICMP จึงเป็นโปรโตคอลที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ (unreliable) ซึ่งจะเป็นหน้าที่ของ โปรโตคอลในระดับสูงกว่า Network Layer ในการจัดการให้การสื่อสารนั้นๆ มีความน่าเชื่อถือ ในส่วนของ ICMP Message จะประกอบด้วย Type ขนาด 8 บิต Checksum ขนาด 16 บิต และส่วนของ Content ซึ่งจะมีขนาดแตกต่างกันไปตาม Type และ Code ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- สบายตากว่า ล้ำหน้าอีกขั้นด้วย Cinema 3D มอนิเตอร์ LG Cinema 3D Monitor ขนาด 23 นิ้ว Cinema 3D Monitor LG D42P ที่เหนือกว่าจอสามมิติทั่วไป ที่อาจทำให้สายตาของคุณเมื่อยล้า LG D42P มาพร้อมแว่นสามมิติ ที่ใช้เทคโนโลยี (Film Patterned Retarder) ตัดปัญหาเรื่องคลื่นอิเล็กตรอน ที่รบกวนสมอง น้ำหนักเบา ไม้ต้องชาร์จแบตเตอร์รี่ พร้อมได้รับการรับรองภาพไม่กระพริบ จากสถาบัน TUV คุณจึงรับชมภาพสามมิติได้อย่างสบายตา ต่อเนื่องเต็มอารมณ์อย่างยิ่งขึ้น LG D42 ทางออกสำหรับภาพ 3 มิติสมบูรณ์ แหล่งที่มา : |
\\\ Vocabulary จากเพลง You Belong With Me ///
Upset - ทำให้ปราชัย
She's upset
Typical - เป็นตัวอย่าง
It's a typical tuesday night
Whole - สมบูรณ์
When you wake up and find That what you're looking for has been here the whole time
That could light up this whole town
Bench - ม้านั่ง
This is how it ought to be laughing on a park bench
Awhile - ซักประเดี๋ยว, ซักครู่
I haven't seen it in awhile
sneaker - รองเท้าผ้าใบส้นยาง
I wear sneakers
Heel - ส้นเท้า
She wears high heels
I'm on the bleachers
Backdoor - ลึกลับ
Waiting at your backdoor
Belong - เป็นส่วนหนี่งของ
แหล่งที่มา : http://www.siamzone.com/music/lyric/index.php?mode=view&artist=Taylor%20Swift&song=You%20Belong%20with%20Me
วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2554
Favorite *-- Movie & Actor--*
Movie--*
Dream High เป็นซีรีย์ที่เกี่ยวกับดนตรี แและชีวิตวัยรุ่นที่น่ารักสนใส ดูแล้วก็ทำให้มีความสุข และก็ให้ข้อคิดดีๆในการที่เราจะทำตามฝันของเรา!
Harry Potter เป็นภาพยนต์ที่เกี่ยวกับโลกเวทย์มน เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากมาย มีความลึกลับซ่อนอยู่มากมาย และก็สนุกมากๆด้วย^^
Playful Kiss เป็นซีรีย์กุ๊กกิ๊ก น่ารักๆ เกี่ยวกับชีวิตวัยรุ่น แนว Comedy สนุกสนา ไม่เครียด ดูแล้วก็มีความสุข :))
Suckseed เป็นหนังที่ดีและสนุกมากกกก ชอบนักแสดงด้วย!
Actor--*
Kim Hyun Joong เป็นคนที่มีความสามารถมากๆ ไม่ว่าจะเป็นร้องเพลง เต้น เล้นดนตรี หรือแม้กระทั้งการเรียน ที่สำคัญคือ เป็นคนที่น่ารักมาก >< ชอบๆๆๆๆ
Kim Soo Hyun เป็นผู้ชายที่มีความมีเสียงไพเราะมาก เพราะว่าดู Dream High ก็เลบชอบเป็นพิเศษ เป็นอีกคนที่น่ารักมาก ที่สำคัญคือ เป็นผู้ชายที่ร้องไห้เก่งมาก ><
60 Mile เป็นวงดนตรี ที่ร้องเพลงแนวสบายๆๆ ฟังง่าย และแต่ละเพลงที่ร้องออกมาก็มีความหมายดี
เก้า จิรายุ เป็นนักแสดงรุ่นเล็กที่ชอบมากๆๆ เพราะน่ารักมากก ชอบๆๆ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)